top of page
ลงทุนในประเทศสหรัฐอเมริกา
"การลงทุนและทำธุรกิจในอเมริกา
มีโอกาสดีกว่า กำลังซื้อมากกว่า" 

"สิ่งที่เราทำ คือ การทำให้ทุกคนได้เห็นโอกาส" ในโครงการ กรีนการ์ด EB-3 ผ่านการจ้างงาน กรีนการ์ด greencard อเมริกา กรีนการ์ดผ่านการจ้างงาน ฝึกงานต่างประเทศ ฝึกงานอเมริกา เรียนต่ออเมริกา วีซ่า วีซ่าอเมริกา  

E-2  วีซ่านักลงทุนชั่วคราว

วีซ่านักลงทุน E-2 เป็น วีซ่าชั่วคราวเพื่อการลงทุนในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยอนุญาติให้ผู้ถือวีซ่าทำการลงทุนและดำเนินกิจการในประเทศสหรัฐอเมริกา วีซ่าประเภทนี้สามารถต่อได้ทุก 2 ปี โดยไม่จำกัดครั้ง   คุณสมบัติผู้สมัครวีซ่านักลงทุน โดยแนะนำทำการลงทุนขั้นต่ำ $75,000 ขึ้นไป หรือเป็นพนักงานที่ทำงานให้กับองค์กรขนาดใหญ่ซึ่งจะต้องมีคุณสมบัติครบพร้อมเพื่อที่จะผ่านการสมัครวีซ่าประเภทนี้ 

สหรัฐอเมริกาได้เซ็นต์สนธิสัญญาร่วมกับหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสนธิสัญญาสัมพันธไมตรี การค้า และการเดินเรือ สนธิสัญญาเหล่านี้จัดทำขึ้นเพื่อส่งเสริมด้านการค้าและการลงทุน ระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศร่วมสัญญา และเพื่อเป็นการสนับสนุนสัมพันธไมตรีและสันติภาพที่ดีระหว่างประเทศ เมื่อไม่นานมานี้ สหรัฐอเมริกาได้ทำสนธิสัญญาการลงทุนทวิภาคีร่วมกับหลายประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่เคยปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ สัญญาฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อส่งเสริมด้านการลงทุนอย่างไรก็ตามผู้ทำการลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษในการขออนุญาติเข้าประเทศ

คุณสมบัติผู้สมัครผ่านโครงการ E-2 วีซ่านักลงทุนชั่วคราว

            •  ต้องเป็นผู้ถือสัญชาติกับประเทศที่ได้ทำสนธิสัญญาการค้าและการเดินเรือกับประเทศสหรัฐอเมริกา

            •  ได้ทำการลงทุนไว้แล้วหรือกำลังดำเนินการลงทุน ผู้ลงทุนจะต้องมีทุนจำนวนมากพอและจะต้องเป็นธุรกิจที่สุจริต

            •  จุดประสงค์การขอวีซ่าเข้าสหรัฐกระทำขึ้นเพื่อดูแลพัฒนาธุรกิจเท่านั้นและจะต้องยื่นแสดงหลักฐานว่าเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทอย่างน้อย 50%หรือดำรงตำแหน่งผู้บริหารจัดการ,ตำแหน่งด้านการควบคุมและการดำเนินการ หรือดำรงตำแหน่งอื่นๆ ที่สำคัญในองค์กร 

เงินลงทุนจำนวนมาก คือ

            •  เงินลงทุนจำนวนมากพอในการซื้อต่อกิจการหรือมีเงินทุนมากพอในการจัดตั้งกิจการใหม่
            •  มีเงินทุนมากพอเพื่อเป็นการการันตีว่าผู้ลงทุนมีความพร้อมทางการเงินที่จะดำเนินกิจการให้ประสบผลสำเร็จ                              

            •  จำนวนลงทุนมากพอที่จะสามารถพัฒนาและกำกับดูแลกิจการเพื่อให้ประสบผลสำเร็จ

            •  หากมูลค่ากิจการมีราคาต่ำเงินที่ใช้ในการบริหารการลงทุนต้องมีจำนวนมากขึ้น

ระยะเวลาในการอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา

นักลงทุนหรือลูกจ้างที่ผ่านคุณสมบัติจะได้รับอนุญาติให้อาศัยในสหรัฐอเมริกาเป็นระยะเวลาสองปีและสามารถต่อวีซ่าได้ทุกๆ 2 ปี โดยไม่จำกัดครั้ง ผู้ถือวีซ่า E-2  จะต้องเดินทางออกนอกประเทศสหรัฐอเมริกาหากวีซ่าหมดอายุ หรือโดนยกเลิกวีซ่า 

ผู้ถือวีซ่า E-2 จะได้รับวีซ่าอายุ 2 ปี สำหรับผู้ถือวีซ่าประเภทนี้ที่ประสงค์จะเดินทางเข้าออกประเทศสหรัฐอเมริกาบ่อยครั้งไม่จำเป็นจะต้องยื่น แบบ ฟอร์ม I-129 ให้กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เนื่องจากวีซ่าประเภทนี้อนุญาติให้ผู้ถือวีซ่าเดินทางเข้าออกประเทศสหรัฐอเมริกาได้ในช่วงระยะเวลาสองปีที่ถือวีซ่า และทุกครั้งที่เดินทางกลับเข้าสหรัฐฯ ระยะเวลาหมดอายุของวีซ่าอาจจะเลื่อนออกไป 2 ปีโดยอัตโนมัติ

ขั้นตอนการยื่น E-2 วีซ่านักลงทุนชั่วคราว

ผู้ลงทุนอาศัยอยู่ต่างประเทศ

จุดประสงค์: ยื่น DS-160 เพื่อการขอวีซ่า E-2 

ขั้นตอน: ทีมทนายจากบริษัทจะทำการยื่น DS-160 และเอกสารอื่นๆ

คุณสมบัติ: นักลงทุนจะต้องผ่านคุณสมบัติผู้สมัครวีซ่า E-2 

ข้อพิจารณา: กงศุลสหรัฐประจำประเทศไทยจะเป็นผู้นัดวันสัมภาษณ์

ระยะเวลา: ระยะเวลาเตรียมการประมาณ 90 วัน 

ผู้ลงทุนอาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา

ผู้ลงทุนที่อาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างถูกกฎหมายและถือวีซ่า nonimmigrant (ผู้พำนักอาศัยแบบชั่วคราว) สามารถยื่นแบบฟอร์ม I-129 เพื่อขอเปลี่ยนสถานะเป็น E-2  หรือในกรณีที่ลูกจ้างอาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างถูกกฎหมายและถือวีซ่า nonimmigrant (ผู้พำนักอาศัยแบบชั่วคราว) นายจ้างสามารถเป็นตัวแทนยื่นแบบฟอร์ม I-129 ให้แก่ลูกจ้างได้

ข้อกำหนดและเงื่อนไข ผู้ถือวีซ่า E-2

  • ผู้ลงทุนหรือลูกจ้างทำงานหรือบริหารกิจการที่ตนได้ยื่นตอนสมัครวีซ่าเท่านั้น ยกเว้นในกรณีที่ลูกจ้างผู้ถือวีซ่า E-2  ทำงานให้กับบริษัทที่อยู่ในเครือข่ายเดียว ซึ่งมีข้อกำหนดดังต่อไปนี้         

            o  องค์กรทั้งสองจะต้องมีความสัมพันธ์กัน
            o  หากทำงานให้กลับบริษัทในเครือข่ายเดียวกันกับที่สมัครวีซ่า ตำแหน่งงานใหม่หรือตำแหน่งงานที่ย้ายจะต้องเป็นระดับผู้บริหาร หัวหน้า หรือตำแหน่งที่มีความชำนาญการพิเศษ

            o  ข้อกำหนดและเงื่อนไขการจ้างงานจะต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงสามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ มาตรา 8 CFR 214.2(e)(8)(ii) 

  • การเปลี่ยนแปลงด้านข้อกำหนดและเงื่อนไขของผู้ถือวีซ่า E-2  จะต้องได้รับการอนุมัติจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเท่านั้น  การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือการเปลี่ยนแปลงลักษณะงานหรือกิจการของนายจ้าง ตัวอย่างเช่น  การรวมกิจการ, การซื้อกิจการ หรือการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่มีผลกระทบต่อผู้ยื่นขอวีซ่า E-2 ประเภทนักลงทุนหรือลูกจ้าง  หากมีการเปลี่ยนแปลงที่มีรายละเอียดนอกเหนือจากเดิม ผู้ยื่นขอวีซ่าประเภทนักลงทุนหรือบริษัทที่เป็นสปอนเซอร์ให้กับลูกจ้างจะต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวต่อ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และทำการยื่นฟอร์ม I-129 พร้อมจ่ายค่าธรรมเนียมอีกครั้ง และหลังจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้รับแจ้งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในธุรกิจหรือบริษัทที่ลูกจ้างทำงานผู้ลงทุนหรือลูกจ้างสามารถยื่นต่อวีซ่าได้ทันทีโดยผู้ยื่นเรื่องจะต้องแนบหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนมีคุณสมบัติในการขอวีซ่าประเภท E-2

  • ผู้ถือวีซ่า E-2  ไม่จำเป็นต้องยื่นฟอร์ม I-129  อีกครั้งหากการเปลี่ยนแปลงในองค์กรหรือกิจการไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ หากผู้ถือวีซ่าไม่มั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงในองค์กรเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ผู้ลงทุนหรือนายจ้างสามารถขอคำแนะนำจากทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้โดยยื่นฟอร์ม I-129 พร้อมจ่ายค่าธรรมเนียมและอธิบายระบุการเปลี่ยนแปลงในองค์กรสามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ มาตรา 8 CFR 214.2(e)(8)(ii)  

  • หากมีการนัดหยุดงานหรือข้อพิพาทแรงงานที่เป็นสาเหตุให้ต้องหยุดทำงานในกิจการหรือในบริษัทที่ผู้ถือวีซ่า E-2 สัญชาติแคนาดา หรือ เม็กซิโก ปฏิบัติงานอยู่อาจส่งผลกระทบต่อการถือสถานะวีซ่า  E-2 สามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ มาตรา 8 CFR 214.2(e)(22)

 

ครอบครัวของผู้ถือวีซ่า E-2 

ผู้ถือวีซ่า E2 สามารถขอวีซ่าผู้ติดตามให้แก่ สามี ภรรยา ลูกอายุไม่เกิน 21 ปี สถานะภาพโสด สัญชาติของผู้ขอวีซ่าติดตามไม่จำเป็นต้องถือสัญชาติเดียวกันกับผู้ถือวีซ่า E-2 สมาชิกในครอบครัวของผู้ถือวีซ่า E-2 จะสามารถขอวีซ่าประเภทผู้ติดตามได้ โดยทั่วไปแล้วอายุของวีซ่าผู้ติดตามจะเท่ากันกับผู้ถือวีซ่า E-2 ในกรณีครอบครัวของผู้ถือวีซ่า E-2 อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว สมาชิกครอบครัวสามารถขอยื่นเปลี่ยนสถานะวีซ่าเป็นวีซ่าผู้ติดตาม โดยยื่นเอกสาร I-539 พร้อมจ่ายค่าธรรมเนียม คู่สมรสของผู้ถือวีซ่า E-2 ประเภทลูกจ้าง สามารถยื่นแบบฟอร์ม I-765 พร้อมค่าธรรมเนียม หากได้รับการอนุมัติคู่สมรสของผู้ถือวีซ่า E-2 จะได้รับอนุญาติให้ทำงานในสหรัฐฯ  จากที่กล่าวมาข้างต้นผู้ถือวีซ่า E-2 จะได้รับอนุญาติให้เดินทางเข้าออกอเมริกาได้โดยอัตโนมัติในช่วงระยะเวลา 2 ปี และหลังจากที่เดินทางกลับเข้ามาวีซ่าจะต่อ เนื่องจากวีซ่าประเภทนี้อนุญาติให้ผู้ถือวีซ่าเดินทางเข้าออกประเทศสหรัฐอเมริกาได้ในช่วงระยะเวลาสองปีที่ถือวีซ่าและทุกครั้งที่เดินทางกลับเข้าสหรัฐฯ วันหมดอายุวีซ่าอาจจะเลื่อนออกไปสองปีโดยอัติโนมัติ ยกเว้นสมาชิกในครอบครัวผู้ถือวีซ่าหากเดินทางเข้าออกสหรัฐอเมริกาวันหมดอายุวีซ่าจะเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนผู้ถือวีซ่า E-2 ดังนั้นครอบครัวของผู้ถือวีซ่าประเภทนี้จะต้องตรวจสอบวันหมดอายุของวีซ่าและต้องทำเรื่องยื่นเพื่อขอต่ออายุวีซ่า

หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ไหน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและข้อกำหนดเกี่ยวกับโครงการได้ที่  https://www.uscis.gov/working-united-states/temporary-workers/e-2-treaty-investors 

 

 

กรีนการ์ด EB-5 ผ่านการลงทุน

 

โครงการ กรีนการ์ด EB-5 ผ่านการลงทุน ดำเนินการผ่านสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติ (USCIS)โครงการนี้นักลงทุน สามี/ภรรยา และลูกที่ยังไม่สมรสสามารถสมัครขอกรีนการ์ด (ผู้พำนักอาศัยถาวร) ได้  โครงการนี้เป็นที่รู้จักในนามของ EB-5 ในกลุ่มการขอกรีนการ์ดผ่านการจ้างงานประเภทที่ 5  ในปี ค.ศ. 1990 รัฐสภาสหรัฐอเมริกา ได้ก่อตั้งโครงการ EB-5 เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการสร้างงานโดยสนับสนุนให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศ  ในปี 1992 รัฐสภาได้ก่อตั้งโครงการนักลงทุนผู้ย้ายถิ่นฐาน (ย้ายถิ่นฐานเข้าสหรัฐอเมริกาแบบถาวร) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ศูนย์ส่วนภูมิภาค (Regional Center) โครงการอนุญาติให้ผู้ประกอบการทำการลงทุนชิงพาณิชย์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการส่วนภูมิภาคซึ่งโครงการส่วนภูมิภาคนี้ได้รับการอนุมัติผ่าน USCIS ซึ่งจะพิจารณาด้านการส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ 

คุณสมบัติผู้สมัครผ่านโครงการ กรีนการ์ด EB-5 ผ่านการลงทุน

นักลงทุงประเภท EB-5 จะต้องทำการลงทุนในกิจการพาณิชย์ใหม่ ซึ่งเป็นกิจการพาณิชย์ต่อไปนี้

  • กิจการพาณิชย์ที่ก่อตั้งขึ้นหลัง 29 พ.ย. 1990 หรือ

  • กิจการที่ก่อตั้งในวันที่ 29 พ.ย.1990 หรือก่อนหน้านี้มีข้อกำหนดดังต่อไปนี้

            o  กิจการดังกล่าวมีการเปลี่ยนโครงสร้างหรือองค์กร ในแบบลักษณะที่ส่งผลไปแนวทางเดียวกันกับ กิจการพาณิชย์แบบใหม่  หรือ 

            o  ทำการขยายการลงทุนโดยต้องมีเปอร์เซนต์ความมั่งคั่งสุทธิเพิ่มเป็น 40% หรือมีปริมาณการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น

       ข้อกำหนดการสร้างงาน

            o  จะต้องสร้างงานหรือเก็บรักษาตำแหน่งงานประจำเดิมที่มีอยู่แล้วในบริษัทอย่างน้อย 10 ตำแหน่ง ให้แก่ลูกจ้างชาวอเมริกันภายในระยะเวลา 2 ปี นับเริ่มตั้งแต่เข้าประเทศสหรัฐอเมริกาและถือสถานะผู้พำนักอาศัยถาวร (หรือหากเกิน 2 ปี จะต้องอยู่ในกรอบเวลาที่สมเหตุสมผลในกรณีที่ตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบ)

            o  สร้างหรือเก็บรักษางานไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม

                  - การสร้างงานแบบทางตรง คือ งานที่มีอยู่แล้วในกิจการก่อนผู้ลงทุนทำการซื้อโดยและผู้ลงทุนยังคงเก็บรักษาตำแหน่งงานเหล่านั้น

                  - การสร้างงานแบบทางอ้อมคือ ตำแหน่งงานใหม่ที่เกิดจากการลงทุนของนักลงทุนประเภท EB-5

หมายเหตุ: จะถือว่าผู้ลงทุนทำการเก็บรักษางานก็ต่อเมื่อธุรกิจที่ซื้อต่อมีปัญหาและทำการลดตำแหน่งงานโดยหลังจากที่ผู้ลงทุนทำการซื้อต่อธุรกิจนั้นผู้ลงทุนทำการรักษางานที่กำลังจะโดนปลดหรือโดนปลดไปแล้วจากบริษัทดังกล่าว

ข้อกำหนดด้านการลงทุน

ทุน คือ เงินสด, อุปกรณ์, สินค้าคงเหลือ, ทรัพย์สินที่เป็นรูปธรรม, เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด และหนี้สินที่ค้ำประกันโดยทรัพย์สินของผู้ประกอบการต่างชาติซึ่งผู้ประกอบการต้องแสดงหลักฐานการเป็นผู้รับผิดชอบหลักของทุนทั้งหมด สินทรัพย์ที่ใช้ในการยื่นเรื่องขอวีซ่าเพื่อการดำเนินกิจการพาณิชย์ใหม่จะต้องไม่ติดค้ำประกันหนี้สินขณะยื่นเรื่องขอวีซ่า การประเมินค่าทุนจะประเมินตามมูลค่าตลาดที่ยุติธรรมโดยประเมินเป็นค่าเงินสกุล ดอลล่าสหรัฐ สินทรัพย์ที่ประเมินจะต้องเป็น สินทรัพย์สุจริตเท่านั้น (ไม่ใช่สินทรัพย์ที่ได้รับโดยผิดกฎหมายไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม)
ตามพรบ.มาตรา 203(b)(5)  หมายเหตุ: เงินทุนจะต้องไม่ได้มาจากการยืม

 

ข้อกำหนดขั้นต่ำ

1) ข้อกำหนดขั้นต่ำการลงทุนอยู่ที่ 1 ล้าน เหรียญดอลล่าสหรัฐ

2) พื้นที่จ้างงาน (ให้เน้นการจ้างงานในพื้นที่ชนบท หรือพื้นที่ที่มีอัตราการว่างงานสูง) หากทำการลงทุนในพื้นที่จ้างงานที่กำหนดนักลงทุนสามารถลงทุนขั้นต่ำ 500,000 เหรียญดอลล่าสหรัฐ

 

ขั้นตอนการยื่นขอวีซ่าถาวร EB-5

ขั้นตอนที่1: ยื่นเอกสาร I-526 คำร้องโดยผู้ประกอบการต่างชาติ

กระบวนการ: โครงการวีซ่า EB-5 เป็นขั้นตอนที่ใช้ความชำนาญการ ดังนั้นจะต้องให้ทนายเป็นผู้เตรียม และยื่นเอกสารการสมัคร

ข้อกำหนด: ต้องทำการตรวจสอบประวัติและต้องสอบการมีสิทธิ์ ผู้ประกอบการทำการโอนเงินไปยังศูนย์ส่วนภูมิภาค หรือ โอนให้กับ LLC

ระยะเวลา: ประมาณ 14 เดือน รอการอนุมัติ 

ข้อรับผิดชอบ: หลังจากทาง USCIS อนุมัติ ทางบริษัทจะปฏิบัติขั้นตอนต่อไป ในกรณีที่ USCIS ไม่อนุมัติทางบริษัทจะโอนเงินลงทุนให้แก่ผู้ประกอบการ

 

ขั้นตอนที่ 2: ยื่นแบบฟอร์ม I-485 ใบสมัครขอเป็นผู้อาศัยถาวรหรือขอเปลี่ยนสถานะ (กรณีอยู่ในอเมริกา) หรือแบบฟอร์ม DS-260 ใบสมัครวีซ่าถาวร (กรณีอยู่ต่างประเทศ)

กระบวนการ: หลังจากที่ทาง USCIS ทำการอนุมัติฟอร์ม I-526 ทางทนายจะเตรียมเอกสารทั้งหมดสำหรับการขอวีซ่า EB-5 เพื่อเดินทางมายังสหรัฐฯ

ข้อกำหนด: นักลงทุน/ผู้ประกอบการจะต้องเตรียมเอกสารที่จำเป็นทั้งหมดก่อนการเข้าสัมภาษณ์วีซ่า ณ สถานทูตสหรัฐฯ ในประเทศที่ผู้สมัครพำนักอาศัยอยู่

ระยะเวลา: ขั้นตอนทั้งหมดจะใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือน

ข้อรับผิดชอบ:ในขั้นตอนนี้นักลงทุนจะได้รับวีซ่า EB-5 และเดินทางมายังสหรัฐอเมริกาพร้อมกับจะได้ กรีนการ์ดแบบมีเงื่อนไข อายุ 2 ปี

 

ขั้นตอนที่ 3: ยื่นแบบฟอร์ม I-829 ยื่นคำร้องโดยผู้ประกอบการเพื่อยกเลิกเงื่อนไข

ยืนเรื่อง 90 วันก่อนระยะเวลา 2 ปีที่ครบกำหนดกรีนการ์ด EB-5 แบบมีเงื่อนไข ถ้า USCIS อนุมัติการยื่นคำร้อง เงื่อนไขของกรีนการ์ดจะถูกยกเลิก และได้รับกรีนการ์ดถาวร 10 ปี พร้อมทั้งสมาชิกครอบครัวที่ติดตามจะได้รับอนุญาติให้อาศัยในสหรัฐโดยถาวร

 

ระยะเวลาโครงการ

วีซ่าถาวร EB-5 จะเปลี่ยนเป็นกรีนการ์ดแบบมีเงื่อนไข 2 ปี ณ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสามารถเปลี่ยนเป็นระยะ 10 ปี เมื่อทำเรื่องยกเลิกเงื่อนไขตามข้อกำหนด โดยที่สามารถต่อได้เรื่อยๆโดยไม่กำหนดครั้ง

สิทธิ และ หน้าที่รับผิดชอบ ของผู้ถือกรีนการ์ด (ผู้พำนักอาศัยถาวร)

 

สิทธิในฐานะผู้พำนักอาศัยถาวร

ผู้พำนักอาศัยถาวร (ผู้ถือกรีนการ์ด), มีสิทธิ ดังต่อไปนี้:

            •  สิทธิในการอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาอย่างถาวร และจะต้องไม่กระทำการใดๆ ให้ถูกตัดสิทธิที่อยู่ภายใต้กฎหมายคนเข้าเมือง

            •  ทำงานที่ถูกกฎหมายของประเทศสหรัฐและสามารถสมัครงานตามคุณสมบัติที่ตนมี (ในบางงานจะกำหนดให้กับสัญชาติอเมริกันเท่านั้นเนื่องจากเหตุผลด้านความมั่นคง)

            •  สิทธิในการได้รับคุ้มครองตามกฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกาและกฏหมายของรัฐที่ตนอยู่

 

หน้าที่รับผิดชอบผู้ถือกรีนการ์ด มีดังต่อไปนี้

ในฐานะของผู้ถือกรีนการ์ด มีหน้าที่รับผิดชอบ :

            •  ต้องปฏิบัติตามกฎหมายสหรัฐอเมริกาและกฎหมายของรัฐที่ตนอยู่

            •  ต้องยื่นขอคืนภาษี และรายงานรายได้ต่อกรมสรรพากรและหน่วยงานภาษีของรัฐที่อาศัยอยู่

            •  ให้การสนับสนุนระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย และไม่เข้าร่วมการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลโดยผิดกฎหมาย

            •  เพศชายอายุระหว่าง 15-25 ปี ต้องทำการลงทะเบียน ระบบกำลังพลสำรอง

 

การรักษาสิทธิผู้พำนักอาศัยถาวร หรือ ผู้ถือกรีนการ์ด

หลังจากได้สิทธิเป็นผู้ถือกรีนการ์ดอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ผู้ถือกรีนการ์ดสามารถถือสิทธิได้จนกว่าจะดำเนินการดังต่อไปนี้

            •  สมัครขอสัญชาติอเมริกัน หรือ

            •  ถูกถอนสิทธิโดยกระทำการใดๆ ที่ผิดกฎหมาย หรือ กฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง หรือ ละทิ้งสิทธิด้วยตัวเอง ผู้ถือกรีนการ์ดอาจเสียสิทธิหรือยกเลิกสิทธิได้ หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย

 

เงื่อนไขของผู้พำนักอาศัยถาวร (ผู้ถือกรีนการ์ด) 

มาตรา 216 แห่ง พรบ. ตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติสหรัฐอเมริกา อนุญาติให้บุคคลอยู่อาศัยในสหรัฐอเมริกาอย่างถาวรแบบมีเงือนไข ผ่านการแต่งงาน

มาตรา 216A อนุญาติให้บุคคลอยู่อาศัยในสหรัฐอเมริกาอย่างถาวรแบบมีเงือนไข ผ่านการลงทุน 

ในสองกรณีข้างต้น ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติ สามารถถอนสิทธิผู้ถือกรีนการ์ดได้ หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นการกระทำที่ทุจริต เป็นต้น 

ในกรณีผู้ถือกรีนการ์ดถูกดำเนินการเพิกถอนสิทธิผู้ถือกรีนการ์ดอาจยื่นเรื่องให้ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติ ทำการตรวจสอบคดีอีกครั้ง ก่อนที่คดีจะไปถึงศาล

 

ขั้นตอนการเพิกถอนสิทธิ 

ผู้ถือกรีนการ์ดจะถูกเพิกถอนสิทธิในการถือกรีนการ์ดทันที หากศาลพิจารณาว่าผิดจริง 

มาตรา 212 และ 237 แห่ง พรบ. ตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติสหรัฐอเมริกา อธิบายว่าศาลสามารถสั่งถอดถอนสิทธิและผู้ถูกถอนสิทธิต้องเดินทางออกนอกประเทศสหรัฐอเมริกา

 

ละทิ้งสถานะภาพผู้พำนักอาศัยถาวร (กรีนการ์ด)

ผู้ถือกรีนการ์ดอาจเสียสถานะของตนโดยเจตนา หากกระทำการต่อไปนี้

            •  ย้ายถิ่นฐานไปต่างประเทศ เจตนาที่จะตั้งถิ่นฐาน ณ ประเทศนั้นๆ อย่างถาวร

            •  อาศัยอยู่นอกประเทศสหรัฐอเมริกาเกินเวลาที่กำหนด ยกเว้นในกรณีที่ชี้แจงสาเหตุของการอาศัยอยู่นอกประเทศเป็นการชั่วคราวต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ต้องแสดงสาเหตุดังต่อไปนี้

            o  เหตุผลในการเดินทาง

            o  ระยะเวลาที่จะอยู่นอกประเทศสหรัฐอเมริกา

            o  มีสาเหตุในการเดินทางออกนอกประเทศสหรัฐอเมริกาอื่นๆ อีกหรือไม่

            o  สถานการณ์ที่อาจยืดระยะเวลาการอาศัยอยู่นอกประเทศสหรัฐอเมริกา

            o  หมายเหตุ: จะต้องทำการแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และได้รับเอกสารอนุญาติเดินทางกลับเข้าประเทศก่อนเดินทาง หรือได้รับวิซ่าเดินทางกลับเข้าประเทศ (SB-1) จากสถานกงสุลสหรัฐอเมริกาในประเทศที่จะเดินทางไป ซึ่งเอกสารข้างต้นจะต้องใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเมื่อเดินทางกลับเข้ามาในประเทศ

            •  ไม่ทำการยื่นเรื่องขอคืนภาษี (ถึงแม้อยู่ต่างประเทศก็ต้องทำเรื่องยื่นขอคืนภาษี)

            •  แจ้งในใบขอคืนภาษีว่า ไม่ใช่ ผู้พำนักอาศัยถาวร (ผู้ถือกรีนการ์ด)

 

รายงานการถูกถอนสถานะผู้พำนักอาศัยถาวร (กรีนการ์ด)

ในบทบัญญัติแห่ง ประมวลรัษฎากร มาตรา 6039G(d)(3) กล่าวว่า กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิจะต้องแจ้งสำนักงานสรรพากรห ากมีการเพิกถอนสถานะผู้อยู่อาศัยถาวร ในสาเหตุต่อไปนี้

            •  ถูกสั่งให้ออกนอกประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ 

            •  ผู้ถือกรีนการ์ดเลือกที่จะละทิ้งสถานะของตนและทำการเวนคืนกรีนการ์ด 

ครอบครัวสามารถสมัครผ่านโครงการ EB-5 ด้วยได้หรือไม่

คำตอบคือ ได้ หลังจากผู้สนใจทำการสมัคร คู่สมรส และลูกอายุไม่เกิน 21 ปี สามารถขอกรีนการ์ด ร่วมกันได้

 

หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ไหน

หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการและเงื่อนไขต่างๆ ตรวจสอบได้ที่ https://www.uscis.gov/eb-5  

bottom of page